Using PBL And
EBM Approach |
||
|
|
|
|
3. พิจารณาความเสี่ยงจากการใช้ยา
(Risk) 3.1
Contraindications ของยา
simvastatin 2(4),7(3),27(2) 1) Simvastatin 1. Absolute
contraindications -
Active liver disease -
Chronic liver disease -
Pregnancy , children , หญิงที่ให้นมบุตร 2. Relative contraindications - ใช้ร่วมกับ
cyclosporine
, gemfibrozil , or
niacin , macrolide antibiotics , various anti-fungal
agents and cytochome P-450
inhibitors สรุปว่าไม่มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยรายนี้ 2) ยาตัวอื่นๆ 1. Bile acid
sequestrants
Absolute contraindication - dysbeta-lipoproteinemia -
TG > 400 mg/dl Relative
contraindication -
TG > 200 mg/dl 2.
Nicotinic acid Absolute
contraindication -
Chronic liver disease -
Severe gout Relative
contraindication -
Diabetes -
Hyperuricemia -
Peptic ulcer disease 3. Fibric acid Absolute
contraindication -
Severe renal disease -
Severe hepatic disease สรุปได้ว่าไม่มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยรายนี้ 3.2
Warning
and Precaution ของยา
simvastatin7(3),27(1) 1) Simvastatin 1. ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตรและในเด็ก 2. ระวังการใช้ยานี้ในคนที่ดื่ม
alcohol
เป็นประจำ 3. ถ้ารับประทานยาวันละครั้ง ควรรับประทานยานั้นในเวลาเย็น
เนื่องจากการสังเคราะห์ cholesterol ของตับในร่างกายจะเป็น diurnal pattern คือ
จะมีการสร้าง cholesterol เข้าสู่กระแสเลือดสูงสุด
เวลาประมาณเที่ยงคืน
จึงควรใช้ยานี้ในเวลาเย็น
เพื่อให้เกิด maximun effect
ในเวลาที่มีระดับ
cholesterol
สูงที่สุดในเลือด 4. ควรตรวจระดับ aminotransferase activity และระดับ
creatine kinase ก่อนให้ยา
และทุก2-4 เดือน
ขณะรับประทานยาโดยถ้ามีค่ามากกว่าปกติ
3 เท่า และ2เท่าจากค่าปกติตามลำดับให้หยุดการใช้ยานี้ในทันที
เนื่องจากอาจเกิด
hepato toxicity และ myopathy
ได้ตามลำดับ 5. ควรรับประทานยานี้พร้อมอาหารมิฉะนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ สรุปได้ว่าไม่มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยรายนี้ 2) ยาตัวอื่นๆ 1.
Nicotinic acid - มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อทางเดินอาหารมาก
จึงควรรับประทานยาไปพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที - ระมัดระวังในผู้ป่วยโรคตับ เบาหวานและโรคเก๊าส์ -
ระวังเมื่อใช้กับยาลดความดันโลหิตบางกลุ่มเพราะยาอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้นและเกิด postural hypotension
มากขึ้น 2. Fibric acid derivative -
ระวังการแพ้ยา -
อาจพบ
GI disorder เช่น
คลื่นไส้อาเจียร
แต่จะหายเองได้ - ระวังเมื่อใช้กับยากันเลือดแข็ง
พวก coumarin (benzafibrate) - ระวังเมื่อใช้ร่วมกับ oral
anticoagulant เนื่องจากยานี้จะไปเพิ่มฤทธิ์
anticoagulant
(Gemfibrozil) 3. Probucol - ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่ QT interval
ยาวกว่าปกติ
หรือทานยาที่ทำให้QT interval
ยาวกว่าปกติ เช่น digitalis , quinidine , erythromycin , etc -
ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กหรือหญิงมีครรภ์
เนื่องจากมีข้อมูลความปลอดภัยน้อย 4.
bile acid resins (cholestylamine) -
ให้ผสมน้ำกินก่อนทานยา
ห้ามรับประทานในรูปยาผง - อาจเกิด steatorrhea ถ้าได้รับยาขนาดมาก
เนื่องจากยาไปลดการดูดซึมของไขมัน - ยามีลักษณะเป็นผง
กลิ่นและรสไม่ดี - อาจเกิดอาการทาง GI ได้
เช่น
คลื่นไส้
อาเจียน ท้องผูกและริดสีดวง
จึงควรดื่มน้ำมากๆ สรุปว่าไม่มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยรายนี้ 3.3
Adverse
drug reaction (ADRs) and Toxicities
ของยา7(3),21(1),22(2),27(1) 1) Simvastatin 1. เพิ่ม hepatic transaminase โดยทั่วไปจะเกิดขึ้น
0.5-2.0%ของ case และเป็นแบบ dose dependent โดยการเพิ่มของระดับ
enzyme นี้
อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
hepototoxicity 2. เกิด liver failure พบได้น้อย 3. เกิด polyneuropathy พบได้น้อย 4. เกิด
myopathy ได้
สิ่งที่พาผู้ป่วยมาพบแพทย์
คือ เกิด non-specific muscle
aches or joint
pains (ประมาณ
5%) 5. เพิ่มค่า
creatinine kinase 6. เกิด
severe myositis พบได้น้อยโดยจะมีอาการ muscle
aches , soreness หรือ weakness และจะมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มของค่า creatine kinase ซึ่งจะมีโอกาสเป็นมากขึ้นในผู้ป่วยที่มี
complex medical
problem and/or taking
multiple medication เช่น
cyclosporine
, fibrates , macrolide antibiotic , certain antifungal
drugs and niacin สรุป
พบว่าการใช้low dose
simvastatin
จะช่วยลดADR เหล่านี้
รวมทั้ง ADR เหล่านี้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับยาชนิดอื่น 2) ยาอื่นๆ 1.
Nicotinic acid -
ในขนาดที่ลดระดับไขมันในเลือดจะทำให้หลอดเลือดบริเวณที่ต่างๆขยายตัว โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าและส่วนบนของร่างกาย
ทำให้เกิด flushing และมีอาการคัน
อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปได้เมื่อใช้ยาไปสักระยะเวลาหนึ่ง
จากฤทธิ์ข้างเคียงนี้ทำให้ผู้ป่วยไม่ชอบที่จะรับประทานยา วิธีแก้ไขคือ
ให้ผู้ป่วยรับประทานยา aspirin 0.3 กรัม 30 นาทีก่อนรับประทานยา
nicotinic acid
จะช่วยลด flashingได้
ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการสร้างprostaglandins - มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร
อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
อาเจียน
ท้องเสีย - hyperpigmentation
ผิวแห้ง - ถ้าได้รับยาขนาดมากอาจทำให้ตับทำงานผิดปกติได้
ทำให้เกิดดีซ่านหรือทำให้
plasma transaminase มีการทำงานเพิ่มขึ้น - hyperuricemia พบได้ร้อยละ
20 ของผู้ป่วยที่รับประทาน nicotinic acid
- hyperglycemia และมี glucose tolerance
ผิดปกติ ดังนั้นจึงต้องใช้ยาด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยโรคตับ เบาหวานและโรคเก๊าท์
นอกจากนี้จะต้องระมัดระวังเมื่อใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิต เพราะยาอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากและเกิด
postural hypotension มากขึ้น 2. Fibric acid
derivative Bezafibrate -
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
(GI disorder)
เช่นคลื่นไส้
อาเจียน มักเกิดขึ้นชั่วคราว
เมื่อใช้ยาไประยะหนึ่งจะหายเอง -
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ขนร่วง -
potency disorder -
การแพ้ยา Gemfibrozil Clofibrate - ระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร - ผื่นที่ผิวหนัง - ปวดกล้ามเนื้อ - ภาวะเลือดจางแบบไม่รุนแรง
(mild anemia) - ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีในคนไข้ราว
1-1.5 % - มีผลต่อการทำงานของตับ
เช่น
ทำให้เอนซัยม์
transaminase เพิ่มขึ้น 3. Probucol - QT
interval จะยาวกว่าปกติจึงไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่มีQT interval ยาวกว่าปกติอยู่แล้ว
หรือผู้ป่วยที่รับประทานยาที่จะมีผลทำให้
QT interval
ยาวกว่าปกติ ได้แก่ digitalis , quinidine และ crythromycin - คลื่นไส้อาเจียร 4.
bile acid – binding Resin -
ยาพวกนี้มีลักษณะเป็นผง
มีกลิ่นรสไม่ดี
ทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินอาหาร ได้แก่
คลื่นไส้ อาเจียน
ท้องผูก
เกิดริดสีดวง ควรแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ -
อาจทำให้plasma triglyceride เพิ่มขึ้นได้แบบชั่วคราว
ซึ่งบางครั้งอาจต้องให้ nicotinic acid ร่วมด้วยเพื่อลดระดับtriglyceride -
มักจะทำให้การทำงานของเอนซัมย์
alkaline phosphatase และ
transaminase เพิ่มขึ้นชั่วคราว - ถ้าได้รับยาขนาดมากจะเกิด
steatorrhea เพราะยาไปลดการดูดซึมของไขมัน จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการขาดวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ vitamin A , DและK -
ยากลุ่มนี้จะจับกับ anionic drug
ทำให้การดูดซึมของanionic drug ลดลง
ได้แก่ cholorothiazide ,
phenylbutazone , pentobarbital , anticoagulant ,
digitalis และ thyroxine ดังนั้นจึงควรรับประทานยาชนิดอื่นอย่างน้อย
1 ชั่วโมงก่อนให้
bile acid
binding resinหรือหลังจากที่ได้รับ resin แล้ว
4 ชั่วโมง 3.4
Drug
interactions 2(4),7(3),21(1),28(1) 1) Simvastatin 1.
เมื่อใช้ร่วมกับ
Cyclosporin fibric acid derivative , erythromycin , nicotinic acid , Azole antifungals (Itraconazole , Ketoconazole) ซึ่งเป็นยาที่
metabolized โดย cytochrome p450 (3A4
isozyme) เช่นเดียวกับ
simvastatin มีผลช่วยเพิ่มปริมาณ
simvastatin ในกระแสเลือด
ทำให้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิด
severe rhabdomyolysis และ myopathy 2.
เมื่อใช้ร่วมกับ propanolol จะทำให้ลดค่า
maximum plasma
concentration (C max) 3.
เมื่อใช้ร่วมกับ
digoxin ในเลือด
ทำให้มีโอกาสเกิด toxic
จากยาdigoxin ได้ง่ายขึ้น 4.
เมื่อใช้ร่วมกับ
Warfarin จะทำให้เพิ่มระดับของ
Warfarine ในเลือด
จึงทำให้มีค่า
prothrombin time
(PT) เพิ่มขึ้น
อาจเกิด bleeding ได้ 5. เมื่อใช้ร่วมกับ
bile acid
sequestrants
จะทำให้ระดับยา
simvastatin ในเลือดมีค่าลดลง
เนื่องจากมีการลดการดูดซึมของยาจากระบบทางเดินอาหาร
จึงควรกินยา
simvastatin ก่อนกินยาในกลุ่ม
bile acid , sequestrants
สรุปการใช้ยาในผู้ป่วยรายนี้ใช้ paracetamol
และ
hydrochlorothiazide ดังนั้นไม่น่ามี drug interaction กับ simvastatin 2) ยาอื่นๆ Fibric acid
derivative 1. Bezafibrate จะทำให้ฤทธิ์ของยากันเลือดแข็ง พวกcoumarin ร้อยละ
30-50 หลังจากนั้นต้องปรับขนาดของ
coumarin ตาม
prothrombin time 2. Gemfibrozil
, Clofibrate
จะเพิ่มฤทธิ์ของ oral anticoagulant โดยไปแทนที่ oral anticoagulant จาก albumin binding
site ถ้าใช้ยาร่วมกันจะต้องลดขนาดของ anticoagulant ลงเพื่อป้องกันการได้รับยามากเกินขนาด 3.5
Risk/Benefit ของยา
simvastatine 7(3),25(1),27(2) จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงจากการใช้ยานี้กับผู้ป่วยคุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับ
โดยจากข้อมูลข้างต้นยานี้มีผลดีอย่างมากกับการลดระดับ LDL-C และ
cholesterol
ในเลือดร่วมทั้งยังมีผลช่วยลด
morbility และ mortality จาก
cardiovascular complication ต่างๆได้อย่างมาก หากเปรียบเทียบกับ
side effect
ทางด้านระบบทางเดินอาหาร
เช่น
ปวดท้องและท้องอืด riskที่เกิดจากการใช้ยาทั้งการเกิด
hepatotoxicity , liver
failure , polyneuropathy , myopathy , severe myositis , rhabdomyolysis , myoglobinuria และ acute
renal necrosis รวมทั้งการเพิ่มระดับ
hepatic transaminase มีโอกาสน้อยมาก
หากเราได้ให้ความรู้เกี่ยวกับยาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในเรื่อง
drug interaction
โดยพยายามให้หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาชนิดอื่นที่ทำให้เกิด
drug interaction และการ
monitor liver
enzyme , muscle enzyme อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากยาเหล่านี้ลงได้อีก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานแสดงว่ายาชนิดนี้เหมาะสมที่จะใช้ในผู้ป่วยสูงอายุที่มีระดับ
cholesterol
ในเลือดสูง
โดยถือเป็น
drug of
choice สรุปว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง
benefit
กับ
risk ที่จะเกิดขึ้นแล้วถือว่า
risk ที่จะเกิดอยู่ในระดับที่จะยอมรับได้
รวมทั้งยานี้มีความเหมาะสมที่จะใช้ในผู้สูงอายุได้ 3.6
Patient education เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา simvastatin
7(3) 1) ควรแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาพร้อมอาหารเย็น
เนื่องจากยานี้จะได้ระดับสูงสุดในร่างกายในเวลาประมาณเที่ยงคืน
ซึ่งเป็นเวลาที่ร่ากายมีระดับcholesterol ในเลือดสูงที่สุด
นอกจากนี้การรับประทานยาร่วมกับอาหารจะช่วยลด side
effect ที่จะเกิดกับระบบทางเดินอาหาร
เช่น อาการปวดท้อง
ท้องอืดได้อีกด้วย 2) ควรที่จะบอกผู้ป่วยให้มาวัดการทำงานของ enzyme aminotransferaseก่อนให้ยาและทุกๆ
2 เดือนขณะได้รับยาและควรให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยาเมื่อมี
aminotransferase
activity เพิ่มสูงมากกว่า
3 เท่าของค่าปกติ
เนื่องจากอาจเกิด
hepatotoxicity ได้ 3) ควรแนะนำไม่ให้ผู้ป่วยทานยาชนิดนี้ร่วมกับยาcyclosporine , fibric acid , crythomycin , nicotinic
acid และยาอื่นๆที่อาจทำให้เกิด
drug interaction รวมทั้งการซื้อยาชนิดอื่นมาทานเองจากร้านขายยา นอกจากนี้เพื่อป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ควรแนะนำให้ผู้ป่วยวัดระดับ
creatine kinase activity ก่อนให้ยาและทุกๆ
4 เดือนขณะรับประทานยาและควรบอกให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยาเมื่อ
creatine kinase
มีค่ามากกว่าปกติ
2 เท่า 4) บอกผู้ป่วยไม่ให้กินยาเกินกว่าที่แพทย์สั่งเพราะอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้ |
|